รางวัลอุกฤษ มงคลนาวิน ‘นิติศาสตร์เพื่อสังคม’ ครั้งที่ ๑ ประจำปี ๒๕๖๒

ประมวลภาพงานมอบ รางวัลอุกฤษ มงคลนาวิน “นิติศาสตร์เพื่อสังคม” ครั้งที่ 1 ประจำปี 2562 เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2562 โดยมีศาสตราจารย์ ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน ให้เกียรติเป็นประธานมอบรางวัล ณ คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งปีนี้จัดขึ้นเป็นปีแรก และกำหนดจะจัดในเดือนมีนาคมของทุกปี

รางวัลอุกฤษ มงคลนาวิน ‘นิติศาสตร์เพื่อสังคม’ เป็นรางวัลที่จะประกาศเกียรติคุณแก่บุคคลผู้กอบคุณูปการด้านนิติศาสตร์เพื่อสังคม ที่สมควรได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ โดยได้มอบรางวัลเกียรติยศในปีแรกนี้ ให้แก่ ศาสตราจารย์กิตติคุณวิทิต มันตาภรณ์ ซึ่งท่านได้อุทิศตนเพื่อปฏิบัติราชการในตำแหน่งอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ และยังได้ใช้ความรู้ความสามารถเพื่อแก้ไข ผดุง และเสริมสร้างความเป็นธรรม ความเท่าเทียม และความสุขของมวลมนุษย์ ทั้งในสังคมไทย และสังคมโลก โดยได้ปฏิบัติหน้าที่อันสำคัญหลายหน้าที่ โดยเฉพาะตำแหน่งซึ่งปฏิบัติในภารกิจขององค์การสหประชาชาติ อาทิผู้รายงานพิเศษเรื่องการค้าเด็กและโสเภณี ประธานคณะอนุกรรมการสอบสวนการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไอวอรี่โคสต์ กรรมการที่ปรึกษาคณะผู้ทรงคุณวุฒิผู้เชี่ยวชาญด้านความคุ้มกันระหว่างประเทศ ของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ และอีกมากมาย ท่านได้สร้างคุณูปการอย่างกว้างขวางในองค์การสิทธิมนุษยชนโลก และสร้างเกียรติคุณอย่างยิ่งใหญ่แก่วงการนิติศาสตร์ไทย

นอกจากรางวัลที่มอบให้แก่บุคคลแล้ว ยังมีรางวัลสำหรับโครงการของนิสิตคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ ที่ดำเนินงานด้านนิติศาสตร์เพื่อสังคม ซึ่งจะเป็นการปลูกฝังคุณลักษณะอันดีงาม และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เยาวชนของชาติ ซึ่งรางวัลดังกล่าวมีกำหนดจะจัดขึ้นในเดือนมีนาคมของทุกปี

รางวัลอุกฤษ มงคลนาวิน ‘นิติศาสตร์เพื่อสังคม’ แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทบุคคล จะต้องเป็นผู้ปฏิบัติงานด้านนิติศาสตร์เพื่อสังคมมาอย่างต่อเนื่อง และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ และดำรงตนตามจริยธรรมของวิชาชีพตามตำแหน่งหน้าที่ของตน และมีปณิธานมุ่งมั่นที่จะดำเนินงานนิติศาสตร์เพื่อสังคมอย่างต่อเนื่องตลอดไป โดยจะได้รับเงินรางวัล 84,000 บาท พร้อมปฏิมากรรมเกียรติยศ จารึกลายพระหัตถ์เจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช และ ประเภทโครงการของนิสิตคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ โครงการที่นิสิตคณะฯ จัดทำขึ้นเพื่อเกื้อกูลประโยชน์ต่อสังคม มีแผนการดำเนินงานต่อยอดที่ชัดเจน โดยจะได้รับเงินรางวัล 84,000 บาท เพื่อใช้เป็นทุนดำเนินโครงการเพื่อสังคมต่อไป